ประวัตินักฟุตบอล : โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ By Singsanam

ประวัตินักฟุตบอล : โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่

หากจะพูดถึงแบบอย่างที่ดีของนักฟุตบอลสักคนหนึ่ง เชื่อว่าต้องมีคนนึกถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ อย่างแน่นอน เขาเป็นแบบอย่างทีดีเสมอมา แฟนบอลต่างหลงรักชายคนนี้ ด้วยความที่เขามีเทคนิคดี เล่นบอลด้วยความฉลาด ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เคยบ่น ไม่เคยขอค่าเหนื่อยเพิ่ม ไม่มีปัญหา เรียบง่าย สร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างเสมอ จึงทำให้แฟนบอลรักเขามากคนหนึ่งในสโมสรและยกให้เป็นผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง วันนี้ Singsanam จะพาไปรู้จักกับเขากันให้มากขึ้น

โรแบร์โต ฟีร์มีโน่ (Roberto Firmino) เกิดวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1991 เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกหรือกองหน้าให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและทีมชาติบราซิล เขาเป็นเด็กหนุ่มที่เกิดและเติบโตขึ้นในเมือง มาเซย์โอ ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งที่อยู่ติดกับทะเล โดยเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความฝันที่เหมือนกับเด็กชายชาวบราซิลทุกคนคือต้องการที่จะเป็นนักฟุตบอล

ฟีร์มีโน่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเองอยู่ถึงอายุ 14 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางเข้ามาทดสอบฝีเท้ากับทาง คลับ เด เรกาตัส สโมสรท้องถิ่นของประเทศบราซิล ซึ่งเฟอร์มิโน่ ทำผลงานออกมาได้อย่างน่าประทับใจ จนถูกเรียกตัวให้ขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของสโมสร คลับ เด เรกาตัส จนถูกจับตามองจากหลากหลายสโมสรในประเทศ จนกระทั่งในปี 2009 เขาได้ย้ายไปร่วมทีมกับสโมสร ฟิกูเรนเซ่ ในลีกซีเรีย บี ในฐานะของนักเตะแนวรุก

ฟีร์มีโน่สามารถปรับตัวเข้ากลับสโมสรใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในฤดูกาลนั้นเขาสามารถทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขามีส่วนช่วยทำให้ทีมสามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศบราซิลได้สำเร็จ หลังจากที่เขาสามารถพาต้นสังกัดขึ้นมาเล่นอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศบราซิลได้นั้น ทำให้สโมสรจากทวีปยุโรปได้ให้ความสนใจที่จะดึงตัว ฟีร์มีโน่ มาเสริมทัพ จนในที่สุดเป็นสโมสร ฮอฟเฟ่นไฮม์ ทีมจากบุนเดสลีก้า ที่สามารถคว้าตัวเขาไปร่วมทีมได้สำเร็จในปี 2010

เขาเซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทัพ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในเดือนธันวาคม 2010 ซึ่งสัญญาจะสิ้นสุดลงในเดือน มิถุนายน 2015 โดยหลังจากที่ย้ายมากว่า 1 เดือน เขาก็ได้รับโอกาสลงสนามในฐานะตัวสำรองในนาทีที่ 75 แทนที่ของ เซบาสเตียน รูดี้ และในวันที่ 16 เมษายน 2011 เขาก็สามารถซัดลูกแรกให้กับทีมได้สำเร็จ และเป็นประตูชัยในเกมที่เอาชนะ ไอน์ทรัคช์ แฟรงค์เฟิร์ต ในศึกบุนเดสลีก้า ในช่วงแรกฟีร์มิโน่ ถูกดร็อปเป็นเพียงตัวสำรอง เพื่อหลีกทางให้กับ ชิเนดู โอบาซี่ ดาวยิงชาวไนจีเรีย จนสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2011 เขาได้ฝึกซ้อมอย่างหนักและได้รับโอกาสลงสนามบ่อยขึ้น

จนฤดูกาล 2012-13 เขากลับมายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมได้สำเร็จและโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ จนจบซีซั่นด้วยผลงานการลงสนามทั้งหมด 36 เกมและยิงประตูไปทั้งสิ้น 7 ลูก ถึงขนาดที่ อันเดรส เบ็ค กัปตันทีมของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ออกมายกย่อง เฟียร์มิโน่ ว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีพัฒนาการสุดยอด และในวันที่ 27 มีนาคม 2014 เขาได้รับการขยายสัญญายาวไปอีก 3 ปีกับสโมสร ซึ่งฤดูกาล 2013-14 เขามีส่วนช่วยในการพาทีมจบอันดับที่ 4 ของลีกและยิงประตูคนเดียวไปถึง 16 ประตู

จนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2015 ในขณะที่เขากำลังช่วยทีมชาติบราซิล ลุยศึก โคปา อเมริกา 2015 ที่ประเทศ ชิลี ทางสโมสร ฮอฟเฟ่นไฮม์ กับ ฟีร์มีโน่ ได้ทำการตกลงรายละเอียดต่าง ๆ กับทาง ลิเวอร์พูล รวมถึงรายละเอียดส่วนตัวของนักเตะ และทำให้เขาเตรียมย้ายจะไปเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ในฤดูกาลถัดไป ซึ่งคาดว่าค่าตัวของเขาน่าจะอยู่ที่ราว ๆ 29 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,543 ล้านบาท)

แม้จะเข้ามาเล่นในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แต่ ฟีร์มิโน่ มาฉายแสงสว่างไสวในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่จับเขามายืนในตำแหน่ง “False 9” และกลายเป็นว่าเหมือนทุกอย่างลงล็อค เขากลายเป็นหัวใจสำคัญในแดนหน้าของ “หงส์แดง” แม้จะไม่ใช่ดาวยิงจอมถล่มประตู แต่เขามีส่วนสำคัญอย่างมากในระบบของ คล็อปป์ ที่ช่วยซัพพอร์ต 2 แดนหน้าอย่าง ซาดิโอ มาเน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งช่วยให้ทั้งคู่กลายเป็นจอมถล่มประตูขึ้นมาในปัจจุบัน พรสวรรค์ของทั้งคู่ถูกสนับสนุนโดย ฟีร์มีโน่ ทำให้ก้าวสู่การเป็นดาวยิงระดับท็อปได้อย่างรวดเร็ว

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ มีช่วงเวลาที่ดีกับ ลิเวอร์พูล จากการช่วยทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ ในฤดูกาล 2018/2019 และปีต่อมาเขามีส่วนร่วมที่ทำให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2019/2020 หลังจากที่ห่างหายมานานถึง 30 กว่าปี ถือว่าเป็นผลงานที่น่าจดจำ นอกจากนี้ยังมีแชมป์อีกมากมายที่เขาสามารถคว้ามาได้ เช่น เอฟเอคัพ คาราบาวคัพ แชมป์สโมสรโลก หรือเรียกได้ว่ากวาดมาครบทุกแชมป์แล้วกับ “หงส์แดง”

โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลครั้งแรกในศึก โคปา อเมริกา 2015 ก่อนที่จะเข้าร่วมทัพกับ ลิเวอร์พูล จนมาถึงฟุตบอลโลก 2018 ได้ถูกเรียกตัวอีกครั้งแต่ลงเล่นเป็นตัวจริง และช่วยทำให้ทีมชาติบราซิลมีคะแนนนำเหนือคู่แข่งอีกด้วย แต่ก็ต้องมาจบในรอบ 8 ทีมสุดท้ายจากการที่พ่ายแพ้ต่อ เบลเยี่ยม 2-1 จนทำให้ตกรอบไป แต่เขาได้กลับมาเล่นทีมชาติอีกครั้งในปี 2019 กับศึก โคปา อเมริกา เขายังคงเป็นตัวหลักของทีม และระเบิดฟอร์มออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เปิดเกมรุกได้สวย พาทีมจบด้วยการคว้าแชมป์ไปในที่สุด เฟอร์มิโน่ ภาคภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้มาก แฟนบอลและเพื่อนๆในทีมต่างก็ยกย่องในตัวเขา

คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ข่าวบอล