ประวัตินักฟุตบอล : ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช
ประวัตินักฟุตบอล : ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช

ชื่อเต็ม :: ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช
วันเกิด :: 3 ตุลาคม ค.ศ. 1981 (41ปี)
สถานที่เกิด :: เมืองมัลโม่ ประเทศสวีเดน
ส่วนสูง :: 195 ซม.
สัญชาติ :: สวีเดน
ตำแหน่ง :: กองหน้า
สโมสรปัจจุบัน :: เอซี มิลาน
ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช (Zlatan Ibrahimovic)

ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช เกิดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 1981 และเติบโตในย่านใกล้กับเมือง มัลโม่ นั่นคือ โรเซนการ์ด ซึ่งส่วนใหญ่จะที่อยู่อาศัยของผู้อพยพ เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเป็นชาวบอสเนียที่อพยพมาอยู่ในประเทศสวีเดน เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ สมัยเป็นเยาวชนเคยเล่นอยู่กับ เอฟบีเค บัลคาน ก่อนจะมาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสรดังของบ้านเกิด มัลโม่ เอฟเอฟ ในฤดูกาล 1999-2000 โดยในช่วงนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส ประทับใจฝีเท้า ถึงขนาดชักชวนมาอยู่กับ อาร์เซนอล
แต่ทว่าต้นสังกัดก็ไม่ยอมปล่อยตัวออกมา นอกจาก เวนเกอร์ ก็ยังมี ลีโอ บีนฮักเกอร์ กุนซือมือดี ก็แสดงความสนใจในตัวเขาอยู่เหมือนกัน หลังจากได้เห็นฝีเท้าระหว่างลงฝึกซ้อมที่สเปน แต่ก็สายเกินไป เพราะต้นสังกัดตกลงขายเขาไปให้กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรในดังในพรีเมียร์ดัตช์ ด้วยราคา 7.8 ล้านยูโร (ราว 320 ล้านบาท) ในช่วงเดือน ก.ค. ปี 2001 เรียบร้อยแล้ว โดยภายใต้การดูแลของ โค อาเดรียนเซ่ กองหน้าชาวสวีดิช ดูเหมือนจะไม่ได้ลับฝีเท้าเท่าที่ควร จนกระทั่งได้ลืมตาอ้าปาก หลังจากที่ โรนัน คูมันน์ เข้ามาเก้าอี้นายใหญ่คนใหม่ และก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จเสียด้วย เรียกว่าเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ที่กุนซือขาดไม่ได้

แต่ชีวิตของเขาก็ต้องพลิกผันอีกครั้งในวันที่ 31 ส.ค. 2004 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกำหนดเส้นตายการซื้อขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์ ซลาตัน ย้ายมาอยู่ในถิ่น เดลเล่ อัลปิ ของ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 16 ล้านยูโร (ราว 640 ล้านบาท) แม้ว่าเพิ่งจะย้ายได้เพียงครึ่งฤดูกาลหลัง แต่เขาก็โชว์ฟอร์มถล่มประตูได้เป็นกอบเป็นกำถึง 16 ลูก พร้อมกับเบียด อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กองหน้าจอมเก๋า ตกขอบกลายเป็นตัวสำรองไปโดยปริยาย
จากฟอร์มที่สุดยอด ทำให้มีข่าวออกมาว่า “ม้าลาย” ได้ปฏิเสธข้อเสนอจาก “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด แม้ว่าจะสูงลิบลิ่วถึง 70 ล้านยูโร (ราว 2,800 ล้านบาท) ก็ตาม ทำให้เขายังคงค้าแข้งอยู่ในลีกอิตาลีต่อไป จากนั้นก็ได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2004/05 จากแฟนบอล ยูเวนตุส อีกด้วย พร้อมกับได้อันดับ 8 ของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2005 ของฟีฟ่าด้วย เท่านั้นไม่พอ รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสวีเดน (กัลด์โบเลน) ยังตกเป็นของเขาด้วย

แต่แล้ว ในปี 2006 เกิดจุดพลิกผัน เมื่อ ยูเวนตุส ถูกปรับตกชั้นข้อหาล้มบอล!!! หล่นร่วงไปเล่นในเซเรีย บี ทำให้ผู้เล่นย้ายทีมกันเป็นแถบ ซึ่งแน่นอน กองหน้าตัวฉกาจอย่างเขา ย่อมต้องมีทีมยื้อแย่งตัวกันใหญ่ และก็เป็นทีม งูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ไปได้ตัวเขาไป สามฤดูกาลที่ ซลาตัน อยู่กับอินเตอร์ เขาลงเล่นทั้งหมด 117 นัด ทำได้ 66 ประตู โดยเฉพาะฤดูกาล 2008/09 ทำได้ในเซเรีย อา 25 ลูก คว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง

และในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2009/10 บาร์เซโลน่า ซึ่งต้องการปล่อยตัว ซามูเอล เอโต้ ออกไปอยู่แล้ว ได้บรรลุข้อตกลง ในการยื่นตัวเอโต้บวกเงิน แลกตัวซลาตัน มายังถิ่นคัมป์ นู แทนแล้ว โดยเปิดตัวกับทีมใหม่เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2009 ซลาตัน จบฤดูกาลนี้ ด้วยการยิงให้กับ “เจ้าบุญทุ่ม” ไปทั้งหมด 16 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัด คว้าแชมป์ลา ลีก้า แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้สวยหรูนัก เมื่อเขาออกมาแถลงข่าวถึงความสัมพันธ์ที่เลวร้ายระหว่างตัวเขาและ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของทีม

ต่อมา ในวันที่ 28 สิงหาคม 2010 เอซี มิลาน ได้ประกาศผ่านเวบไซต์ของสโมสรว่า ได้บรรลุข้อตกลงยืมตัว ซลาตัน มาใช้งานในฤดูกาล 2010-11 เป็นเวลา 1 ฤดูกาล พร้อมกับออพชั่นซื้อขาดในราคา 24 ล้านยูโร (ราว 960 ล้านบาท) ในตอนจบฤดูกาล เขาลงเล่นให้กับทีมเป็นครั้งแรกในนัดที่แพ้ เชเซน่า 0-2 เมื่อวันที่ 11 กันยายน ซึ่งเขาเป็นคนยิงจุดโทษพลาดอีกต่างหาก ต่อมาฟอร์มของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็สามารถพา “ปีศาจแดง-ดำ” คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ได้สำเร็จ และ เอซี มิลาน ก็จัดการคว้าตัวเขามาครอบครองอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 18 มิถุนายน 2011 ในฤดูกาล 2011-12 ซลาตัน โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ “ปีศาจแดง-ดำ” โดยเขายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ เฉพาะในเซเรีย อา ซัดไปถึง 25 ประตู ทำให้จบฤดูกาลด้วยสถิติลงเล่น 32 นัด ยิง 28 ประตู เลยทีเดียว

ฤดูกาล (2012-2013) และก็เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตการค้าแข้งของ ซลาตัน อีกครั้ง เมื่อเขาตัดสินใจย้ายทีมมาอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่ของ ลีก เอิง ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2012 ด้วยสัญญา 3 ปี และรับค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาลถึง 14 ล้านยูโร (ราว 560 ล้านบาท) เป็นรองแค่เพียง ซามูเอล เอโต้ เท่านั้น ที่ได้ค่าเหนื่อยมากกว่าเขาในตอนนั้นและเขาก็ไม่ทำให้สโมสรผิดหวังโดยยิงประตูใน ลีก เอิง ไปทั้งสิ้น 30 ประตู ทำให้จบฤดูกาล 2012-13 ด้วยรางวัลดาวซัลโวของลีก ซึ่งเขาก็เป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูได้เท่ากับที่ ฌอง ปิแอร์ ปาแปง ตำนานดาวยิงของฝรั่งเศส เคยทำได้ในฤดูกาล 1989-90

ฤดูกาล (2012-2013) และก็เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตการค้าแข้งของ ซลาตัน อีกครั้ง เมื่อเขาตัดสินใจย้ายทีมมาอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่ของ ลีก เอิง ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2012 ด้วยสัญญา 3 ปี และรับค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาลถึง 14 ล้านยูโร (ราว 560 ล้านบาท) เป็นรองแค่เพียง ซามูเอล เอโต้ เท่านั้น ที่ได้ค่าเหนื่อยมากกว่าเขาในตอนนั้นและเขาก็ไม่ทำให้สโมสรผิดหวังโดยยิงประตูใน ลีก เอิง ไปทั้งสิ้น 30 ประตู ทำให้จบฤดูกาล 2012-13 ด้วยรางวัลดาวซัลโวของลีก ซึ่งเขาก็เป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูได้เท่ากับที่ ฌอง ปิแอร์ ปาแปง ตำนานดาวยิงของฝรั่งเศส เคยทำได้ในฤดูกาล 1989-90
19 ตุลาคม ทำสกอร์ให้ทีมอีก 2 ตุงในเกมชนะ บาสเตีย 4-0 โดยหนึ่งในนั้นเป็นการยิงที่สุดสวยของเขาด้วยการใช้ส้นเท้าในการทำประตู หลังจากนั้น 4 วันในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กดไปอีก 4 ประตูช่วยทีมถล่ม อันเดอเลชท์ ไปอย่างขาดลอย 5-0 จากการกด 4 ตุง ทำให้เขากลายเป็นคนที่ 11 ในประวัติศาสตร์ที่ยิงได้ 4 ลูกในรายการนี้ 27 พฤศจิกายน ลงเล่นเป็นเกมที่ 100 ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พร้อมกับทำประตูให้กับทีมได้ด้วยในเกมนั้น 11 พฤษภาคม 2014 ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของ ลีก เอิง โดยฤดูกาลนั้นแม้ต้นสังกัดจะไม่ได้คว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ แต่การซัดไป 26 ประตูก็เพียงพอให้เจ้าตัวคว้ารางวัลดาวซัลโวของลีกไปครองได้สำเร็จ

ฤดูกาล (2015-16) 1 กรกฏาคม 2106 ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ตกลงย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังของอังกฤษ ภายใต้การชักชวนของเจ้านายเก่าอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ ที่คุมทีมอยู่ในตอนนี้ โดนคาดว่าคาตัวตกอยู่สัปดาห์ล่ะ 200,000 ยูโร(ประมาณ 7400,000 บาท) 7 สิงหาคม 2016 ประเดิมลงเล่นอย่างเป็นทางการให้กับสโมสรในฟุตบอล คอมมูนิตี้ ชิลด์ โดยเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์เอฟ เอ คัพ สามารถเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ พรีเมียร์ลีก 2-1 และเจ้าตัวก็ทำประตูด้วยในเกมนี้ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาทำประตูได้ 1 ประตูในการพบกับ สวอนซี และเป็นประตูประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก พอดีที่ทำประตูครบ 25,000 ประตู

ในปี 2019 พระเจ้าได้เกิดใหม่ในวัย 39 ปี เขาได้กลับมาอยู่กับ “ปีศาจแดง-ดำ” เอซีมิลาน อีกครั้งและเป็นกำลังหลักของทีม ในการที่จะการสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรพร้อมกับความคาดหวังต่างๆว่า ซลาตัน จะเป็นผู้ที่จะมาล้างอาถรรพ์ เสื้อหมายเลข 9 ที่มีกองหน้ามากมายเอาชื่อมาทิ้งใว้กับเบอร์เสื้อเบอร์นี้
ติดตามประวัตินักฟุตบอลเพิ่มเติม :: ประวัตินักฟุตบอล